พื้นฐานไฟฟ้าในบ้าน ตอนที่2b -1 ค้นหาว่าเลือกซื้อเลือกใช้เบรกเกอร์ แบบไหนดี? ถูกหรือแพง? ต้องเลือกที่การทนกระแสลัดวงจรหรือ? ลองคำนวนดูเล่นๆ? เบรกเกอร์ระเบิด นิสัยการทริ๊ป

      ในบทนี้เป็นเนื้อหา -1 เกี่ยวกับ การเลือกเบรกเกอร์ จากขนาดที่ทนกระแสที่เกิดจากการลัดวงจรได้  ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างเจาะลึกเชิงค้นหาแต่ไม่มาก ซึ่งไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่รู้จักคำว่าโวลท์ กระแส หรือความต้านทานเลยนะครับ เพราะช่วงหลังๆจะมีการลองคำนวนเกี่ยวกับกระแสลัดวงจรด้วย มีวีดีโอแสดงการระเบิดของเบรกเกอร์ และในตอนท้ายยังมีการดูนิสัยของเบรกเกอร์ว่ามีนิสัยการเด้งเมื่อไฟช็อตอย่างไรใช้เวลาเท่าไหร่ ซึ่ทั้งหมดก็ยังเกี่ยวข้องกับผู้ใช้เบรกเกอร์ตามบ้านอยู่ดีครับ  แต่จะยากสักนิด

 

แต่ใครที่อยากรู้ลึกๆก็ต้องไปเรียนวิศวะด้านไฟฟ้ากำลังนะครับ แล้วมาสอนผมด้วย เพราะไปเปิดดูสูตรต่างๆเกี่ยวกับไฟฟ้ากำลัง ที่เกี่ยวกับการเลือกและคำนวนเบรกเกอร์จากกระแสลัดวงจร มีสูตรและสมการอื้อเลยครับ ซึ่งเราๆท่านๆที่อยู่ตามบ้านคงไม่มีปัญญาจะเรียน แต่มันดันมาเกี่ยวข้องกับเราตอนเราไปเลือกซื้อเบรกเกอร์ มีแบบราคาถูกกับแพง ขนาดตัวเบรกเกอร์ก็เท่าๆกัน เราก็อยากจะเลือกถูกๆเอาไว้ดีกว่าแพงๆ ผมก็เป็นคนนึงแหละครับที่เลือกถูกๆเอาไว้ก่อนเอาไปใช้ในบ้านเรา แต่เราไม่เคยสงสัยหรือครับว่าทำไมขนาดหน้าตาก็พอๆกัน กระแสการตัดวงจรก็เท่ากัน 16A เหมือนกัน แต่แพงกว่าจากลูกละ 150-180บาท เป็นลูกละ 300-350 บาท ทำไมครับ? ถ้าไปถามเขา เขาคือคนขาย คนขายก็บอกเราว่า มันใช้ดีกว่า ทนกว่า อะไรทำนองนี้    แต่ถ้าเรามีโอกาสไปเลือกสินค้ามือสองล่ะซึ่งมีเยอะแยะมากมายแล้วเราจะเลือกกันเป็นหรือครับ เอามาใช้กันได้อย่างเหมาะสมหรือเปล่าครับ  แต่ผมก็ขอออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เรียนไฟฟ้ามา แต่ความสงสัยก็ทำให้เกิดการค้นคว้า และลองดูตามสมมติฐานว่าเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่  ใครที่ไม่ต้องการรู้หรือรู้แล้วก็ข้ามไปเลยครับ

ในเบรกเกอร์ตามบ้านที่เป็นลูกวงจร(ลูกเซอกิตเบรกเกอร์)ต่างๆ หรือแม้กระทั่งเบรกเกอร์เมน มักมีคำว่า  เบรกเกอร์นั้น ทนกระแสลัดวงจรได้เท่าไหร่ (IC หรือ Interrupting Capacity) หรือพิกัดการทนกระแสลัดวงจรสูงสุดโดยปลอดภัยของเบรคเกอร์นั้นๆ   ซึ่งถ้ามีการช็อตเกินพิกัดทนกระแสลัดวงจร มันก็จะไหม้เสียหาย หรือระเบิดออกมาได้ในบางกรณี

เรามาหาคำตอบกันว่าเราควรเลือกแบบไหนอย่างไรดี สมมติว่าเป็น เบรกเกอร์ของ Schineder ยี่ห้อเดิมคือ Square D ซึ่ง ก็มีหลายขนาดและราคา เรามาเริ่มจากการเปิดแค๊ตตาล็อกก่อน ว่ามันมีสเป็กและราคาตั้ง(คือราคาที่เขายังไม่ได้ลดให้กับคนซื้อ)อะไรบ้าง   (ถ้าเข้าใจแล้วเราจะเลือกยี่ห้อไหนก็ได้ตามสะดวก)

ลองเสิชคำว่า SQUARE D Schneider Price List 2011  จะมีเว็บลิ้งค์มากมาย มีที่นึงให้ดาวโหลดเป็นpdf คือที่นี่   สมมติว่าผมประกอบเสร็จแล้วหน้าตาเป็นอย่างนี้

หน้าตาตู้และลูกเซอกิตเบรกเกอร์ยี่ห้อ square D ภาพที่มา teakdoor.com/construction-in-thailand/74882-electricity.html ภาพนี้ถูกนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตการนำไปใช้ต่อควรจำกัด

ภาพข้างบนนี้ได้จากเว็บ http://teakdoor.com/construction-in-thailand/74882-electricity.html ฝรั่งเขาคุยกันเรื่องคุณภาพชีวิตต่างๆจากการมาอยู่กรุงเทพกับภูเก็ต ส่งลิงค์คืนเขาไปแล้วนะครับ   ในรูปจะเห็นว่าซ้ายมือเป็นเบรกเกอร์เมน 1 เฟสซึ่งเป็นตัวใหญ่สุด จะมีอันที่สี่ หน้าตาแปลกกว่าเพื่อน คือหน้าตาของ square D รุ่นที่เขาขายๆกันอยู่ปัจจุบัน  ที่เหลือเป็นรุ่นเก่าๆ

 

main_breaker2pole_IC_and_price_Dsq_homeuse
ภาพถูกตัดมาจากแคตาล็อก squareD 2011 เขียน แสดง และชี้ ให้เห็นด้วยตัวอักษรและสัญลักษณ์สีม่วงด้วยลายมือเขียนโดยไม่ได้รับอนุญาตการนำไปใช้ต่อควรจำกัด ในภาพนี้ บ่งบอกว่า ตู้เบรกเกอร์1เฟส 2สาย 240โวลท์ สามารถทนกระแสลัดวงจรได้10KA และเมนเบรกเกอร์ย่อยก็เช่นกัน

ภาพข้างบนจะเป็นตู้โหลดแบบ 1เฟส ซึ่งมีช่องให้เลือกใช้ตามมากจำนวนตามอุปกรณ์ในบ้าน แต่ถ้าอุปกรณ์ในบ้านโดยรวมมีมากกว่า 18 ช่องและใช้พร้อมๆกัน ผมว่าต้องขอมิเตอร์การไฟฟ้าแบบสามเฟสแล้วล่ะ แล้วจะมีช่องจ่ายไฟได้มากกว่านี้ แต่ถ้าในบ้านแบ่งเป็นหลายๆชั้นๆเช่น4 ชั้น  และก็ไม่ได้ใช้งานกระแสเกินมิเตอร์ของการไฟฟ้า เช่นเราขอมิเตอร์ แบบ 30(100) A 1เฟส  เราอาจเลือกใช้ตู้โหลด 1 เฟสแยกเป็นชั้นๆ ไปก็ได้ ชั้นละ1ตู้  เราก็เลือกเมนเบรกเกอร์ 1เฟส 2ขั้ว คือL กับ N ต่อสายจากการไฟฟ้าสำหรับตู้เมนหลัก ไว้ชั้นล่างหรือชั้นสองก็ได้ สมมติว่า 63A  เขาบอกว่ามี พิกัดทนกระแสลัดวงจร IC = 10 kA  มีให้เลือกอย่างเดียว ส่วนชั้นอื่นๆเราก็เลือกกันตามความเหมาะสม ตั้งแต่ 50A ลงไป อย่างนี้ก็ทำได้ครับ ถ้ามีการเลือกใส่ขนาดสายไฟให้ถูกต้องด้วยนะครับ

 

child_breaker_IC_and_price_Dsq_homeuse
ในภาพนี้ บ่งบอกว่า ขนาดลูกเบรกเกอร์ที่มีขาย ซึ่งก็มีให้เลือก2ราคาคือสามารถทนกระแสลัดวงจรได้ 6KAเป็นแบบถูก และ10KAซึ่งมีราคาสูงกว่า เราจะเลือกซื้ออย่างไร? ภาพถูกตัดมาจากแคตาล็อก squareD 2011 เขียน แสดง และชี้ ให้เห็นด้วยตัวอักษรและสัญลักษณ์สีม่วงด้วยลายมือเขียนโดยไม่ได้รับอนุญาตการนำไปใช้ต่อควรจำกัด

ภาพข้างบนเป็นลูกเซอร์กิตเบรกเกอร์ แบบ1เฟส(1ph) จะเห็นได้ว่า มีให้เลือกขนาด พิกัดการทนกระแส 6 kA กับ 10 kA ตรงนี้มาถึงทางแยกแล้วครับว่าจะเลือกแบบใด ถ้าเลือกแบบง่ายๆถ้ามีหลายๆชั้นแล้วแต่ลูกเป็นเมนแต่ละชั้นในตู้เมนหลักสมมติตู้เมนหลักอยู่ชั้น1  ที่ตู้เมนใหญ่ผมแนะนำให้เลือกลูกเซอร์กิตเป็นเบรกเกอร์ 1เฟสขนาด 10 kA เป็นไฟท์บังคับ เพราะเวลาเราลากสายไปชั้นสามชั้นสี่ เราก็ต้องไปติดเบรกเกอร์เมนชนิด 2ขั้ว ขนาด 16-50A แต่การทนกระแสลัดวงจรก็เป็นไฟท์บังคับคือไม่มีให้เลือกซื้อ ต้องใช้ 10 kA อย่างเดียว ไม่งั้นอาจเกิดปัญหาว่าเวลาทริ๊ปหรือตัดวงจร มันจะไปตัดที่เบรกเกอร์เมนที่ตู้ใหญ่ที่ลากไปชั้นอื่นๆ ส่วนตู้เมนที่ชั้นนั้นเบรกเกอร์เมนกับไม่ตัด ทำให้ต้องวิ่งลงมาข้างล่างเพื่อไปรีเซทการทริ๊ป   แต่ถ้าเรามีตู้เมนอยู่อันเดียวแล้วเราก็มีบ้านแค่สองชั้น ลูกย่อยใช้แค่ 6kA ก็พอครับ แต่ถ้าเราจะเลือกแบบ 10kA แล้วจะมีผลดีผลเสียอย่างไร

 

สมมติการลัดวงจรที่เกิดกระแสอย่างรุนแรง

ผมจะลองคิดดูเล่นๆนะครับ จากนั้นใครจะเลือกอย่างไหนก็แล้วแต่เหตุและผลนะครับ สมมติว่าการลัดวงจร เป็น ชนิดไลน์ลงกราวด์ หรือL ช็อตหรือสัมผัสกับโครงโลหะติดกราวด์ หรือ L ช็อตกับ N  เช่นเราไปต่อวงจรอะไรผิด หรือมีการผิดพลาดทำให้มีการลัดวงจรระหว่างสายไฟLกับN หรือ L กับ G ในกรณีสายไฟเก่าหรือเกิดอุบัติเหตุ  ซึ่งเป็นการลัดวงจรที่รุนแรงที่สุด การคำนวนการลัดวงจรจริงๆมีสูตรเยอะแยะมากมายและก็ยากด้วย เราจะเลือกเบรกเกอร์แบบไหนดีมันทำให้เห็นภาพยากมาก เลยจำเป็นต้องคำนวนดูให้รู้และพอเข้าใจเรื่องการลัดวงจรในแง่พิกัดการทนกระแสลัดวงจร

วิธีการคำนวนกระแสลัดวงจรแบบแค่เอาให้เห็นภาพว่ามันเกิดกระแสกระชากเท่าไหร่ ถ้าเรามาลองคิดแบบง่ายๆคือลัดวงจรสายไฟอย่างเดียว เท่าที่ผมมีประสบการณ์มาเคยใช้สายไฟเส้นเล็กๆกับไฟที่มีกระแสมากๆมันจะเกิดความร้อนขึ้นในสายไฟอย่างมากมายในกรณีนี้คือผมลองใช้สายไฟซิลิโคนขนาด 10 sqmm กับกระแสที่ผ่านตัวมันมากถึง 60 A แต่ขนาดไฟประมาณ 5โวลท์ ใช้กับเครื่องให้ความร้อนในการตัดพลาสติก สายไฟยาวประมาณ 2.5เมตร ไปกลับ อุณหภูมิค่อนข้างร้อนประมาณ 50 องศาขึ้นไป  แสดงว่ามีความร้อนเกิดขึ้นจากความต้านทานไฟฟ้าในสายไฟปรกติธรรมดาๆนี่แหละ ฉะนั้นเราก็ลองคำนวนกระแสลัดวงจรอย่างง่ายๆจากความต้านทาน เฉพาะสายไฟดังที่กล่าวมาแล้ว

คือถ้าเรารู้สูตร V=IR

V_I_R_formula
รูปนี้ถูกนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ควรนำไปใช้ต่อ

และรู้สูตรความต้านทานของสายไฟ คือ R  , ความยาวสายไฟL   ,พื้นทีหน้าตัดของสายไฟA ,และคุณสมบัติความต้านทานไฟฟ้าของวัสดุρ  (อ่านว่า โรว์ rho) ของ

ρ ทองแดง=1.724×10-8  โอห์ม-เมตร ที่ 20 องศาC

ภาพจาก http://hyperphysics.phy-astr.gsu.edu/hbase/electric/resis.html ภาพถูกนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต การใช้ต่อควรอยู่ในจำกัด

ซึ่งทองแดงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ค่าความต้านทานก็เพิ่มขึ้นด้วยแต่เราไม่ต้องนำมาคิด

ก่อนอื่นเราต้องลองสมมติสภาวะแวดล้อมดูก่อน

กรณีที่ 1  ช็อตห่างจากตู้ 5 เมตร เราสนใจเบรกเกอร์ ขนาด 16 A ที่ใชักับปลั๊กไฟซะส่วนใหญ่ สายไฟที่เราใช้ๆกันเดินสายไฟ มีขนาด 2.5 sqmm  สมมติต่อไปอีกว่าเราเดินสายไฟ มาช็อตกันที่จุดเกิดเหตุรวมสายไฟไปกลับจากตู้เมนยาวรวมกันประมาณ 10 เมตร จะมีกระแสลัดวงจรเท่าไหร่ถ้าเกิดกับสายไฟลงกราวด์หรือช็อตกับนิวตรอน ลองคำนวนกระแสลัดวงจร

R=ρL/A  = 1.724 x 10-8 * 10 /2.5 x 10-6  =0.06896 ohm

I =V/R   = 220/0.06896   =3,190 A    =กระแสลัดวงจรโดยประมาณ

จากการคำนวนเล่นๆแสดงว่าสายไฟยาวยิ่งยาวก็มีผลกับกระแสทำให้กระแสลัดวงจรมีค่าน้อยลง แต่ถ้าใช้สายไฟใหญ่ซึ่งทนกระสไฟใช้งานได้เยอะ เช่นมาใช้สายไฟขนาด6 sqmm กับเบรกเกอร์ 16A 6kA เวลาช็อตด้วยวิธีเดียวกันนี้กระแสจะมากขึ้นประมาณ2.4 เท่า อาจจะทำให้เบรกเกอร์พังและไหม้ได้ครับ แสดงว่าถ้าใช้สายไฟใหญ่หน่อย เช่นสาย 6 sqmm กับเบรกกเกอร์ 32A ควรใช้ขนาดพิกัดการลัดวงจร 10 kA ก็ดูน่าจะปลอดภัยกว่า เอาละครับตัดสินใจกันเองนะครับ

กรณีที่ 2  ช็อตในตู้เมนห่างจากเบรกเกอร์20เซนติเมตร  เราสนใจเบรกเกอร์ ขนาด 16 A ที่ใชักับปลั๊กไฟซะส่วนใหญ่ สายไฟที่เราใช้ๆกันเดินสายไฟ มีขนาด 2.5 sqmm  สมมติต่อไปอีกว่าเราเดินสายไฟ มาช็อตกันที่จุดเกิดเหตุรวมความยาวสายไฟไปกลับยาวประมาณ 0.4 เมตร คือช็อตกันในตู้เมนนี่แหล่ะ จะมีกระแสลัดวงจรเท่าไหร่ถ้าเกิดกับสายไฟลงกราวด์หรือช็อตกับนิวตรอน ลองคำนวนกระแสลัดวงจร

R=ρL/A  = 1.724 x 10-8 * 0.4 /2.5 x 10-6  =0.0027584 ohm

I =V/R   = 220/0.0027584   =79,756.3 A   =กระแสลัดวงจรโดยประมาณ

กรณีดังกล่าว ผมคิดว่ากระแสที่เกิดขึ้นคงไม่ถึง 79 kA สายไฟอาจเกิดการอาร์กจนสายไฟขาดและหลอมเป็นเศษทองแดงร้อนๆไปซะก่อนในเสี้ยววินาที  แต่เบรกเกอร์มันจะระเบิดและอาจเกิดเพลิงไหม้ได้ครับ ซึ่งกรณีช็อตกันในตู้เมนเป็นกรณีที่อันตรายมากๆ ซึ่งผมไม่เคยเจอเหมือนกัน แต่เบรกเกอร์ในโรงงานใหญ่ทีมีหม้อแปลงส่วนใหญ่จะมีเมนเบรกเกอร์ที่ทนพิกัดได้ 100 kA ขึ้นไป

วีดีโอข้างล่างแสดงการอาร์กระเบิดสะเก็ดไฟในตู้เมน

youtube โดย ReinierKww

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ เป็นกรณีที่ระเบิดในตู้เมนใหญ่ๆมากๆ น่ากลัวมากครับ(เลยทำรูปให้เล็กๆ) ไอ้ที่เขาโยกๆอยู่นี่ผมเดาว่าเป็นขั้นตอนปรกติในการทำให้เบรกเกอร์เมนอยู่ในสภาวะทริ๊ปมาอยู่ในสภาวะสับคืนโหลดได้ครับ เห็นแล้วเสียวครับเพราะเคยเห็นน้องๆโยกกันหน้าตู้เมนอย่างสบายใจมาก่อนหลายต่อหลายครั้งถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุก็ดีครับ แต่ส่วนใหญ่อุบัติเหตุเหล่านี้มีสาเหตุที่แน่ชัดครับไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่เกิดจากข้อผิดพลาดที่มนุษย์เป็นผู้กระทำหรือประมาท โอกาสน้อยที่อยู่ๆจะเกิดเองเหมือนอยู่ดีๆก็โดนฟ้าผ่าครับ

ส่วนอันล่างเป็น เขาว่าแปลมาว่า มิเตอร์วัดไฟระเบิดเนื่องจากการตั้งค่าไม่ถูกและการใช้ฟิวส์ราคาถูก รับพิกัดการทนกระแสลัดวงจรได้น้อย

youtube by Malcolm Brown

ภาพอันล่างเป็นการเทสเบรกเกอร์ดูการระเบิด ขนาด30A  เทสที่ 590V 3ph  21.5kA 6cycle(คือยิงทดสอบ6ครั้ง)

youtube by TechtricEngineering

 

ก่อนจบจะต่อเรื่องเบรกเกอร์อีกนิดนึง ไหนๆก็เกริ่นเรื่องเบรกเกอร์ และได้เปิดดู แค๊ตตาล็อกของ square D แล้ว ตัดรูปเตรียมรูปมาแล้วก็เลยลงรูปให้หมดเลย

main_breaker_2pole_RCBO_IC_and_price_Dsq_homeuse
ในภาพบนนี้เป็นเมนเบรกเกอร์ชนิดกันดูดกันคนโดนดูดซึ่งมีขนาด10kA ป้องกันไฟรั่วหรือไฟดูดเกิน30มิลิแอมป์ และตัดไฟได้เร็ว0.04วินาที ยี่ห้อsquareD และมีคุณสมบัติที่ดีเหมือนเบรกเกอร์ทั่วไปคือป้องกันไฟช็อต ไฟเกินที่เกิดกับอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกด้วย ภาพถูกตัดมาจากแคตาล็อก squareD 2011 เขียน แสดง และชี้ ให้เห็นด้วยตัวอักษรและสัญลักษณ์สีม่วงด้วยลายมือเขียนโดยไม่ได้รับอนุญาตการนำไปใช้ต่อควรจำกัด

รูปบนเป็นเมนเบรกเกอร์ชนิด 1 เฟส 2 โพล คือ L กับ N แงะเบรกเกอร์เมนทางซ้ายในตู้เมนรูปบนสุดแล้วใส่ลงไปได้เลยครับ(ก่อนแงะต้องระวังเรื่องสายเมนที่มีไฟอยู่ให้ดีต้องตัดไฟก่อน )(ไม่ควรจั๊มสด) อันนี้เป็นเบรกเกอร์ที่ป้องกันไฟดูด และป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรได้ถึง 10 kA หลักการทำงานเรื่องป้องกันไฟดูดคือเบรกเกอร์จะมีวงจรอีเล็กทรอนิกอยู่ภายในทำหน้าที่เช็กไฟ ขาเข้าL และ N กระแสต้องเท่ากัน ถ้าไม่เท่ากันและต่างกันเกิน30mAเบรกเกอร์จะทริ๊ป-กรณีไฟดูดและรั่ว    (หลักการทำงานเหมือนยี่ห้อ เซฟ-ธี-คาท) ผมเข้าใจว่ามันถูกใช้งานเฉพาะที่เช่น เฉพาะชั้นนี้ห้องนี้ ชั้นนี้ ต้องการป้องกันคนโดนดูด แต่ปัญหาคือการติดแบบโหลดรวมทั้งหมดอาจมีปัญหาในการทริ๊ป-ชนิดไฟรั่วบ่อยครั้ง เช่น กรณีเป็นตู้โหลดรวมกับ แอร์ แต่แอร์ส่วนใหญ่จะมีการติดคอยล์ร้อนอยู่นอกอาคาร ซึ่งไฟฟ้ามีโอกาสรั่วลงกราวด์ได้ โดยเฉพาะตอนฝนตก หรือห้องนั้นในบริเวณที่มีความชื้นมากเช่นพื้นปูนชื้นแต่มีการใช้เต้ารับแบบฝังดินกรอบเหล็ก เหตุการณ์เช่นนี้มักสร้างความรำคาญกับผู้ใช้มากมายในการทริ๊ปบ่อยครั้ง ผมจึงเข้าใจว่าไม่ค่อยนิยมใช้กัน เพราะเคยเห็นเบรกเกอร์แบบรุ่นโบราณมีปุ่มหมุนปรับ mA ได้ 0-30 mA รวมถึงมีปุ่มยกเลิกการใช้งานป้องกันไฟดูดด้วย เคยเห็นตามบ้านเพื่อนหลายครั้งแล้ว มีปัญหาแบบนี้ประจำ ไฟดับทั้งบ้านบ่อยๆตอนฝนตกหรือชื้นๆ ถ้าใช้ยี่ห้อนี้ ไม่แน่ใจว่ามีปุ่มยกเลิกการใช้งานไฟฟ้าดูดหรือเปล่าหรือจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยไม่เปิดแอร์หรือยังไงดี?

ดูภาพประกอบข้างล่างจาก พันทิพ และลองอ่านดูที่นี่ว่าเขาใช้แล้วเป็นอย่างไร

ภาพ เบรกเกอร์เมนกันดูด squareD และลูกย่อยบนตู้เมน1เฟส ภาพ pantip โดย pom2007 ภาพนี้ถูกนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตการนำไปใช้ต่อควรจำกัด

 

RCBO_child_breaker_IC_price_Dsq_homeuse
ในภาพบนนี้เป็นลูกเบรกเกอร์ย่อยชนิดกันดูด ซึ่งมีขนาด6KAและ10kA ซึ่งมีคุณสมบัติทนต่อกระแสลัดวงจรของเครื่องใช้ไฟฟ้าและสายไฟอย่างดีอีกด้วย ราคาจึงค่อนข้างสูง แถมมีชนิดรั่วเพียง10mAก็ตัดถือว่าไวมากๆแทบจะไม่ทันสะดุ้งดูดเลย ภาพถูกตัดมาจากแคตาล็อก squareD 2011 เขียน แสดง และชี้ ให้เห็นด้วยตัวอักษรและสัญลักษณ์สีม่วงด้วยลายมือเขียนโดยไม่ได้รับอนุญาตการนำไปใช้ต่อควรจำกัด

ภาพด้านบนเป็นลูกเบรกเกอร์ย่อยชนิดป้องกันไฟดูด และป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ขนาด 6kA และ 10kA เลือกกันได้ตามต้องการ ส่วนการต่อสายดูด้านล่างครับ หลักการทำงานก็คล้ายกับตัวบนแหละครับ แต่ติดเฉพาะที่เฉพาะทางกว่า เช่นสมมติว่า ห้องนี้มีเด็กเล็ก และก็มีปลั๊กวางอยู่ต่ำๆ ติดแบบนี้แหละครับเพื่อลูกๆหลานๆของท่านเองจะได้ปลอดภัยในกรณีหลงหูหลงตา และถ้าเป็นโคมไฟหน้าบ้านที่ชื้นๆก็อย่าไปติดมัน เต้ารับปลั๊กเสียบในห้องน้ำอยากจะเป่าผม ชาร์จแบตเครื่องโกนหนวดหรือจะเอาวิทยุไปฟังในห้องน้ำ(ไม่ควรทำ)อย่างนี้ก็ควรติดครับ เป็นเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างนี้ก็ติดได้แต่เครื่องทำน้ำอุ่นสมัยนี้มีเบรกเกอร์ ชนิด ELCB ซึ่งหลักการทำงานก็เหมือนกับ RCBO(เบรกเกอร์อันบนนี้แหละ แปลว่าไรก็แปลเอาเอง) ป้องกันไฟดูดได้ดีมาก แต่ทนกระแสลัดวงจรได้ 1.5kA  เท่านั้น คือถ้ามันช็อตกันในเครื่องทำน้ำอุ่น(ซึ่งมีโอกาสน้อยมากๆๆ) เบรกเกอร์ELCB จะไหม้หรือแตกออกมาครับ และเสียแน่นอน ส่วนเบรกเกอร์ย่อยอาจจะไหม้หรือแตกออกชำรุดก็ได้ถ้ามีขนาด 6kA แต่ใช้สายค่อนข้างใหญ่ 4-6 sqmm และตู้เมนอยู่ใกล้จากจุดเกิดเหตุไม่ถึง10เมตร ซึ่งใครจะติดป้องกันอีกชั้นนึงก็แล้วแต่ครับ แต่ผมว่า 6kA ก็เหมาะสมแล้วสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่น(อย่าลืมลากกราวด์ให้กับเครื่องทำน้ำอุ่นเพื่อป้องกันไฟดูดอีกชั้นด้วยครับ) =3ชั้น มากเกินไปแล้วมั้ง เหอๆ

MCCB_thermal_magnetic_IC_and_price_schiender
ในภาพบนเป็นเบรกเกอร์ชนิดใช้กับตู้เมนก็ได้หรือนำไปใช้ต่อกับเครื่องจักรโดยตรงก็ได้ของ Schineder ซึ่งก็มีถูกมีแพงแบ่งตามเกรดการทนกระแสลัดวงจรได้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นตู้เมนที่บ้านก็ไม่ควรใช้แค่10kA เพราะอะไรก็ลองย้อนกลับไปอ่านอีกทีเนอะ ภาพถูกตัดมาจากแคตาล็อก squareD 2011 เขียน แสดง และชี้ ให้เห็นด้วยตัวอักษรและสัญลักษณ์สีม่วงด้วยลายมือเขียนโดยไม่ได้รับอนุญาตการนำไปใช้ต่อควรจำกัด

 ภาพบน เป็นเบรกเกอร์ ถ้าในพวก 3เฟสตัวล่างๆ ขนาด 15-30 kA เอาไว้ติดในตู้เมนชนิด 3 เฟส ซึ่งควรจะใช้ขนาดดังกล่าว  30 kA ได้ยิ่งดีครับ

ภาพล่างจากพันทิพครับ ลองอ่านดูกระทู้จะเข้าใจมากมายในรูปล่าง ROCB ต่อยังไม่ถูกนะครับ

ภาพข้างล่างเป็นตู้เมนชนิด สามเฟส แบบมีเบรกเกอร์เมนคุม

ภาพภายในตู้เมนชนิด3เฟสซึ่งมีเมนเบรกเกอร์และลูกเบรเกอร์ย่อย ภาพ pantip by pinhead2000 ภาพถูกนำมาใช้ที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาตการนำไปใช้ต่อควรจำกัด

ผมอ่านกระทู้ในพันทิพ งงตรงต่อ RCBO นี่แหละครับ ก็เลยไปค้นมา พบว่า เว็ปไซด์ชไนเดอร์ให้คำตอบกับเราได้ คือ

ให้ต่อสายขดเกลียว(สายหางหมู) ไปที่นิวตรอลของตู้(บัสบาร์ซ้ายมือสุด แนวตั้ง(ตู้เมน1เฟส)) จากนั้นให้สังเกตุว่าที่ด้านไฟออกของ QOvs-RCBO(ด้านล่าง) จะมีสองตำแหน่งให้ต่อสายไฟ ให้ต่อสายไฟทั้งสองเส้นนั้นไปที่อุปกรณ์ไฟฟ้า (Line และ Neutral) โดยห้ามเดินสายนิวตรอลร่วมกับอุปกรณ์ชนิดอื่น

ก็เลยทำรูปให้ใหม่ดังนี้ รูปจากพันทิพ  การต่อ RCBO ที่ถูกต้องครับ

QOvs-RCBO_connection wire
ภาพแนะนำการต่อ RCBOที่ถูกต้อง ภาพกระทู้pantip ซึ่ผมนำมาจากต้นฉบับ1 และ ต้นฉบับ2 โดย pinhead2000 นำมาตัดต่อดัดแปลงเพื่อสรุปความเข้าใจในการต่อที่ถูกต้อง ภาพถูกนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตการนำไปใช้ต่อควรจำกัด

 

ยังไงก็ตามการทริ๊ปของเบรกเกอร์ โดยเฉพาะการทริ๊ปที่มีเสียงดังคล้ายประทัดในที่เกิดเหตุ หรือมีการทริ๊ปที่มีขนาด 1000-3000 แอมป์ กับเบรกเกอร์ที่ทนการลัดวงจรได้ 6kA อายุการใช้งานได้จะลดลงไป คือครั้งต่อไปม้นจะทนกระแสได้ไม่เท่ากับ 6kA แล้วครับ อาจะเหลืออยู่ 3kA ถ้าทริ๊ปแบบประทัดอีกรอบ ก็ลดลงไปอีก ควรต้องเปลี่ยนใหม่นะครับ เพื่อความปลอดภัย เพราะถ้าทริ๊ปแบบเสียงดังคล้ายประทัดหลายๆรอบ รอบต่อไปจะเป็นเบรกเกอร์ระเบิดหรือแตกออกแทนนะครับ ระวังหน่อยนะครับ

ลักษณะนิสัยของการตัดไฟของเบรกเกอร์ Square D

ก่อนจากกันเรามีกราฟแสดงนิสัยการทริ๊ปว่า ใช้กระแสเท่าไหร่ ถึงทริ๊ป และใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงทริ๊ป อันนี้เป็นเบรกเกอร์ square D รุ่น QOxxxx  (ก็คือลูกเบรกเกอร์ย่อยดำๆที่ใช้กันด้านบนนั่นแหละครับ) การทริ๊ปในที่นี้คือเบรกเกอร์เด้งหรือตัดกระแสไฟอัตโนมัติเนื่องจากการลัดวงจรไม่ใช่ไฟดูด เรามาลองกันดูครับ

multiples of rated current ที่แกนนอน คือจำนวนเท่าของพิกัดการทนกระแสของเบรกเกอร์    มีความหมายเชิงยกตัวอย่าง ดังนี้ คือ

ถ้าเท่ากับ1 เท่า หมายถึงเบรกเกอร์ 15A ดูถ้าตัดหรือทริ๊ป 15A คือตัวคูณ 1 ใช้เวลาเท่าไหร่ครับ  คำตอบคือ 500 -10000 วินาที

ถ้าเท่ากับ 1.5  เท่า  เช่นเบรกเกอร์ 15A  ถ้าทริ๊ปที่ 22.5A  จะใช้เวลาประมาณ 22-110 วินาที

ถ้า 15 เท่า  เบรกเกอร์ 15A จะทริ๊ปที่ 225 A  ใช้เวลา 0.06 -0.4 วินาที

ถ้าเท่ากับ 100 เท่า เช่นเบรกเกอร์ 15A  ถ้า ทริ๊ปที่ 1500A จะใช้เวลาประมาณ 0.02 วินาที หรือสั้นกว่า

QOmold_sqD_trip_characteristic
ภาพแสดงคุณลักษณะการทริ๊ปหรือการตัดกระแสไฟเมื่อกระแสถึงพิกัดการทำงาน ของเบรกเกอร์สแควร์ดี รุ่น QOxx ภาพนำมาจากดาต้าชีทผู้ผลิต Squre D ,Schneider catalog 2005 เรื่อง QOU Miniature Circuit Breaker and Switches ซึ่งถูกตัดนำมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตการนำไปใช้ต่อควรระบุแหล่งที่มาและแสดงความรับผิดชอบเอง

รู้กราฟนี้สำคัญไฉน ในกาลหนึ่งที่บ้านหนึ่ง(บ้านผมเอง นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง) อยู่ๆก็มีการทริ๊ป หาสาเหตุไม่ได้ ไม่ได้เสียบปลั๊ก แต่ดูเหมือนปลั๊กไฟจะเป็นต้นเหตุทริ๊ป พอสับเบรกเกอร์ขึ้น จับเวลาดูราวๆ 45 วินาที เบรกเกอร์ 16A มันก็ทริ๊ปอีก ลองอีกที คราวนี้ทริ๊ปสั้นขึ้นไปอีกและมีอะไรพุ่งออกมาจากปลั๊กก่อนทริ๊ปอีกด้วย ก็เลยทราบว่า ปลั๊กมีปัญหาแน่ ถอดเต้ารับออกมาดูปรากฎว่า ปลวกเดินผ่านปลั๊กเลยเกิดอาการลัดวงจรแบบช้าๆแล้วทราบหรือยังล่ะครับ ถ้าดูกราฟจะรู้ว่าปลวกเป็นตัวนำไฟฟ้ามีความต้านทานสามารถมีกระแสไหลผ่านในตัวมันอย่างน้อยก็ 16-30A ครับผม  Cool

 

มีแถมให้นิดนึงครับ วิธีการเดินสายในตู้เมนพอดีไปเจอมาน่าสนใจ เอาไว้ดูคร่าวๆว่าช่างไฟฟ้าเดินสายไฟในตู้เมนกันอย่างไร

วีดีโอข้างล่างเป็นฝรั่งเดินสายไฟในตู้เมน Square D ตู้ขนาด 200A 2เฟส 4สาย(ไลน์2 N1 G1 เท่าที่ฟังคือเป็นไฟฟ้าชนิดเทียบไลน์กับไลน์ได้220V ถ้าเทียบไลน์กับนิวทรอลน่าจะได้100-110โวลท์ ซึ่งแรงดันไฟฟ้าน้อยกว่าบ้านเรา)  สายที่เห็นเปลือยๆยาวๆในตู้ทั้งหมดคือสายกราวด์ฝาหรั่งมักเดินกันเป็นมาตรฐานอย่างนั้น สายกราวด์เปลือยขนาดใหญ่มากๆเป็นสายไฟชนิดอลูมิเนียม ฝาหรั่งแกได้ทาน้ำยาป้องกันการเกิดอ๊อกไซด์ในสายอลูเนียมก่อนเข้าสายในตู้ทางซ้ายมือ สายขาวของเขาคือสายนิวทรอล(ของไทยนิยมสีดำสำหรับสายVAF) สายที่เหลือสีดำหรือแดงของฝาหรั่งคือสายฮ๊อท หรือสายไลน์หรือสายมีไฟ(ของไทยนิยมสีเทาสำหรับสายVAF) ประเทศไทยถ้าเดินสายTHWตามตู้ไฟหรือเดินท่อมักจะใช้สีสายไฟใกล้เคียงกับของฝาหรั่ง ยกเว้นกราวด์ประเทศไทยไม่นิยมปลอกสายเปลือยยาวในตู้และนิยมสายสีเขียว  วีดีโอ youtube by Ryndon Ricks

 

จบแล้วครับ หวังว่าบทความคงพอได้รับประโยชน์และไม่ยากเกินไป

ถ้ายากไปสำหรับมือใหม่หัดเรียนก็ขออภัยด้วย

 

 142,044 total views,  13 views today

พื้นฐานไฟฟ้าในบ้าน ตอนที่2C -1ค้นหา L N G ไลน์ นิวทรอล กราวด์ เกี่ยวข้องกันอย่างไร(ยังเขียนไม่เสร็จ)

….กำลังเขียนอยู่ครับ………รอหน่อยนะ..

L หรือ ไลน์หรือสายไลน์ เมื่อวัดไฟเทียบกับ นิวทรอล ได้ 220V เอาไขควงวัดไฟวัดมีไฟ

N หรือ นิวทรอล หรือสายนิวทรอล เขาบอกว่าสายนี้ไม่มีไฟ ส่่วนใหญ่ไฟไม่ดูด เอาไขควงวัดไฟวัดไม่มีไฟแสดง

G หรือ กราวด์หรือ สายกราวด์ เขาบอกว่าสายนี้ไม่มีไฟ ไฟไม่ดูด เอาไขควงวัดไฟวัดไม่มีไฟแสดง และแต่ละบ้านต้องทำแท่งกราวด์ต่อลงดินเอาเอง

Earth แปลว่า ลงดิน ในความหมายของไฟฟ้าที่ใช้กันตามบ้าน มันต่างกับG (Ground)กราวด์หรือไม่อย่างไร

N กับ G ต่างกันอย่างไร?   เอาG มาแทน N ได้ไหม?(เช่นต่อพัดลมไฟเข้าสองเส้นเป็น ไลน์ ขากลับเป็น กราวด์ พัดลมจะทำงานหรือไม่ซึ่งคำถามที่ต้องทดลอง?)

คำถามข้อที่ 1 นิวทรอล (neutral แปลว่าเป็นกลาง) ผมเคยงงกับสายนิวทรอนมานาน ว่าการไฟฟ้าไม่ได้ส่งนิวทรอนมาตามสาย ถ้าสังเกตไฟแรงสูงก่อนผ่านหม้อแปลงไฟ(จาก 24,000V เป็น 380V )มันมีแค่ 3 สายเอง พอผ่านหม้อแปลงปุ๊บมันมีนิวทรอนขึ้นมาทันที ผมก็นึกว่านิวทรอลมาจากหม้อแปลง เวลาเรียกบริษัทเขามาเดินไฟโรงงานเขามักจะบอกว่าการไฟฟ้ามักชอบให้ต่อกราวด์(ที่เราทำเอง)กับนิวทรอลจั๊มกันเสมอในตู้โหลด คำถามคือ ต่อกันทำไม? ถ้าอย่างนั้น N กับ G ก็เป็นเส้นเดียวกันแล้วทำไมต้องแยกกันเป็นสองเส้นล่ะ? แล้วทำไมต้องให้แต่ละบ้านทำแท่งกราวด์ฝังลงดิน ?

คำถามข้อที่ 2-แบบที่1  ผมขอโยงไปคำถามที่ผมคาใจมานานและน่าจะเกี่ยวข้องกัน และอยากรู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คือ ฮีตเตอร์แบบสามเฟส ที่ใช้นิวทรอลรวม ขนาดสายไฟL1 L2 L3 แต่ละเส้นลากไปฮีตเตอร์ …ดันไป..เท่ากับขนาดสายไฟเส้นขากลับ คือ N และมี1เส้นเท่านั้น ทำไมครับ? 

คำถามนี้มันดูอาจจะดูงงๆ ขอเท้าความนิดนึง ฮีตเตอร์แบบสามเฟสแบบนิวทรอลรวม ที่มีใช้กับเครื่องฉีดพลาสติก ส่วนใหญ่ ฮีตเตอร์ที่ใช้จะเป็นแบบ 220V 6 ตัว ในกระบอกฉีดหรือกระบอกสกรู สมมติประมาณว่าตัวละ 1500 W ไม่รวมหัวฉีด และสมมติว่า 6 ตัวนี้แบ่งออกเป็น 3 โซน แต่ละโซนใช้ฮีตเตอร์ 2ตัว ดังรูป

แต่ละโซนลากสายไฟไป L1 ใช้สาย 2.5 sqmm ขากลับเป็นสายไฟขนาด 2.5 sqmm เช่นกัน  แต่มองในแง่กระแสโหลด L1 ,L2 ,L3  กระแสแต่ละเส้นที่เกิดขึ้นบนสายไฟประมาณ 15 A คำนวนได้จากสูตร P=VI ปัญหาคือ ขากลับ เป็น นิวทรอลรวม และใช้สายไฟขนาดเพียง 2.5 sqmm ซึ่งตามจริง ควรใช้สายไฟ อย่างน้อย 8 sqmm จึงจะรับกระแสได้= 15+15+15 =45 A แต่พอไปสำรวจดูหน้างาน เขาก็ใช้ขนาด 2.5 sqmm รวมมานมนานแล้ว ไม่มีปัญหาไหม้เลย

 คำถามข้อที่ 2-แบบที่2  หรือเอาง่ายๆคำถามเดียวกันที่เกียวกับบ้านก็ได้เด๋วจะหาว่าออกนอกหัวข้อไปไกล  หน้าบ้านใครที่ขอเป็นมิเตอร์ สามเฟส สายไฟที่ลากยาวจากหม้อแปลงไฟ3เฟสมาที่หน้าบ้าน ก่อนที่การไฟฟ้าจะจั๊มสายไฟเข้ามิเตอร์ จะสังเกตว่ามีสายไฟ 4เส้นที่ลากผ่านทุกบ้าน และมีขนาดเกือบๆเท่ากัน แต่ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่ามีเส้นนึงเป็นนิวทรอล ซึ่งสายไฟนิวทรอลNจะมีขนาดเล็กกว่าสายที่เหลือ(  L1, L2, L3)  

ถามว่า สายไฟหน้าบ้านก่อนเข้ามิเตอร์สามเฟสทำไมขนาดสายไฟนิวทรอลมีขนาดเล็กกว่าหรือเท่าๆกับสายไลน์ ?  ในเมื่อสายแต่ละเส้นของ L123 สามารถทนโหลดกระแสตามมาตรฐานได้เท่ากันค่าหนึ่ง แต่สายนิวทรอลในมิเตอร์สามเฟสสามารถทนรับกระแสได้เท่ากับสายโหลด L เพียงหนึ่งเส้นหรือบางทีเส้นก็เล็กกว่าสายไลน์ด้วยซ้ำไป  ทำไมการไฟฟ้าติดมิเตอร์สามเฟสแล้วให้สายไฟN มาเล็กเท่าๆกับหรือเล็กกว่า สายไลน์ L123  ??  น่าจะให้ใหญ่เป็น สามเท่าของL เส้นเดียวไม่ใช่หรือ  (ถ้าบ้านใครขอเป็นเฟสเดียวก็ลองสังเกตสายไฟที่ลากผ่านทุกบ้านจะมีเส้นนิวทรอลที่เล็กกว่าชาวบ้าน แต่เมื่อจะจั๊มสายไฟNกับให้สายไฟใหญ่เท่าๆกับไลน์ที่มิเตอร์เฟสเดียว)

 

 

เรามาลองค้นคว้าดูก่อนว่า พบว่า หม้อแปลงการไฟฟ้าหน้าหมู่บ้าน หรือหน้าปากซอยจะแปลงไฟจาก 12,000-24,000 โวลท์ เป็น 380V สามเฟส3เส้น และมีนิวทรอลอีก1เส้น   ซึ่งถ้าขอหม้อมิเตอร์วัดค่าไฟ1เฟส จะได้สายLหนึ่งสาย Nหนื่งสาย ความต่างศักย์ระหว่างสองสายเท่ากับ 220V

ระบบสายส่งไฟฟ้าในประเทศไทย Thailand electricity transmission line anime สายส่งกระแสไฟฟ้า สายส่ง สายส่งไฟฟ้า เสาไฟฟ้าแรงสูง เสาไฟฟ้า

ระบบสายส่งไฟฟ้าในประเทศไทย เป็นภาพแบบการ์ตูนแสดงให้เห็นระบบสายไฟ เสาไฟฟ้าแรงสูง จริงๆมันวิ่งมาด้วยสายไฟสามชุด ผ่านหน้าบ้านทุกคนด้วยสายไฟ4เส้น แต่จะจั๊มเข้าบ้านเราเพียงสองเส้นคือ L และ N (ไลน์และนิวทรอล)ถ้าขอมิเตอร์ค่าไฟเฟสเดียว แต่ถ้าขอมิเตอร์ค่าไฟสามเฟสจะจั๊มเข้าบ้าน4เส้น คือ L123 และN  เป็นต้น   ภาพ CC by pui108diy ก๊อปเอาไปใช้ได้เลยครับwiki <ที่นี่

 

หม้อแปลงการไฟฟ้า transformer_12-24kvto380v พบว่ามีสายนิวทรอลออกจากหม้อแปลง

หม้อแปลงการไฟฟ้า transformer_12-24kvto380v พบว่ามีสายนิวทรอลออกจากหม้อแปลง พบว่ามีสายไฟที่ออกจากหม้อแปลงทั้งหมด4เส้น โดยที่3เส้นต้องเป็นไลน์ที่ความต่างศักย์ระหว่างคู่เป็น380V อีกเส้นน่าจะต้องเป็นนิวทรอลแน่นอน (และต้องไม่จะใช่กราวด์ด้วย)    ภาพ CC by pui108diy

 

หม้อแปลงไฟฟ้า จึงสร้างสภาวะNeutral หรือเป็นกลาง ระหว่างสายไฟที่มีไฟสามสายกับจุดๆหนึ่งที่เรียกว่าเป็นกลางทางไฟฟ้าระหว่างสายไฟเส้นอื่น จึงไม่ได้หมายถึง สายNของหม้อแปลง380Vของการไฟฟ้าจะเป็นเส้นที่ไม่มีไฟ  เพราะมันเป็นกลางระหว่างสายไฟสามเฟส3เส้นซึ่งต้องต่อเข้าที่จุดดังกล่าวพร้อมกันขาดเส้นใดเส้นหนึ่งไม่ได้ และทำหน้าที่รองรับไฟขากลับจากทั้งสามเส้นพร้อมๆกัน  ซึ่งการแปลงไฟดังกล่าว คล้ายกับการต่อสายไฟมอเตอร์แบบstar

หม้อแปลงพวกนี้เรียกหม้อแปลง delta -wye transformer  , ซึ่งส่วนขดไพมารี่เป็นแบบเดลต้าคือด้าน12-24kvจะเข้าสายเพียงสามสาย ,ส่วนขดเซคคันดารี่หรือด้านขาออกเป็นแบบ4สายต่อคล้ายตัวYซึ่งตรงกลางของYจะมีจุดเชื่อมออกเป็น N และส่วนใหญ่จะต้องต่อกราวด์หรือสายดินลงพื้นเอาไว้ด้วยหรือเปล่า?เพื่ออะไร?  เท่าที่ทราบเมื่อการไฟฟ้าให้ต่อนิวทรอลกับกราวด์ของเราที่ทำเองมีค่าความต้านทานของกราวด์เท่าไหร่ก็ได้มีคุณภาพหรือไม่ก็ได้ แสดงว่าหม้อแปลงการไฟฟ้าส่วนใหญ่ต่อแบบ

Types of Neutral Earthing in Power Distribution

http://www.mirusinternational.com/faq.php

http://static.schneider-electric.us/assets/consultingengineer/appguidedocs/section6_0307.pdf

https://en.wikipedia.org/wiki/Ground_and_neutral

 

รูปประกอบขดลวดในหม้อแปลง แบบมีนิวทรอล

 

 22,131 total views,  3 views today